วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ป๊อก - ตั๊ก ล้างอาถรรพณ์ 7 ปี รักจริงหวังแต่ง


ป๊อก-ตั๊ก ล้างอาถรรพณ์7ปี รักจริงหวังแต่ง แต่ไม่คิดมีลูก (ไทยรัฐ)

กลิ่นอายเดือนแห่งความรักยังคงหอมกรุ่น ซึ่งในวีกนี้จึงมีความรักของ ป๊อก-ปิยธิดา วรมุสิก นางเอกสาวละคร "ส้มหวานน้ำตาลเปรี้ยว" กับ ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม นักแสดงหนุ่มมาดเข้ม โดยร่วมย้อนวันเก่าๆ "คนดังนั่งคุย" คอนเฟิร์มสุดหวาน มันส์ ฮา เจงๆ

ย้อนวันวานจุดเริ่มต้นที่มาเจอกัน

ป๊อก : เกือบ 8 ปีแล้วค่ะ ป๊อกไปทานข้าว ไปส่งพี่ปุ้ย-อรัญญา ประทุมทอง เค้ามีร้านอยู่แถวๆหน้าพระลาน แล้วป๊อกถ่ายละครเลยไปหาพี่ปุ้ยที่ร้านและไปเจอเค้าที่ร้านอยู่แล้ว แนะนำกัน

เจอกันครั้งแรกปิ๊งเลยมั้ย

ตั๊ก : ทักทายปกติแต่มองๆ ผู้หญิงคนนี้ผอมจัง ผมก็แซวเค้าทำไมผอม ดูน่ารักแต่ไม่ถึงกับปิ๊ง

ป๊อก : เค้ามาจับเอวแล้วทำให้ป๊อกโกรธ คนเราไม่เคยเจอกันแต่มาถึงเนื้อถึงตัว คุยกันเอื้อมมือจะมาจับเอวเรา

ตั๊ก : ไม่ได้จับยังไม่โดนเลย

ป๊อก : ก็เอื้อมมือมันจะโดน ป๊อกเลยเอี้ยวตัวหลบ เจอกันครั้งแรกถึงมันจะดึกแล้วก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะจับเอวได้ ตอนนั้นอารมณ์บูดเล็กน้อย

ความสัมพันธ์มางอกเงยได้ยังไง

ป๊อก : ยังอีกหลายเดือนค่ะ เจอกันอีกที พี่ปุ้ยโทร.ชวนป๊อกออกไปที่ร้าน ป๊อกก็มีบ่น พี่ 4 ทุ่มแล้วนะ ให้ออกไปอีกเหรอ แต่ก็ไปนะ (หัวเราะ) ก็เจอเค้าด้วยเลยนั่งคุยกันยาว

ภาพแรกที่ป๊อกรู้จักตั๊กเป็นยังไง?

ป๊อก : เป็นผู้ชายสูง ๆ ขาว ๆ หน้ายาว ๆ ผูกผ้าขนหนูที่หัว ใส่กางเกงเล เซอร์มาก

สเปกนี้ถึงกับยี้ ?

ป๊อก : ไม่นะ ป๊อกไม่ชอบแบบกริบมา หล่อมาเลย ถ้าคบผู้ชายสไตล์นี้เราต้องเหนื่อย ทำให้ตัวเองสมบูรณ์ และเพอร์เฟกต์ตลอด

เคยบอกว่าถูกใจตั๊กเพราะโพกผ้าบนหัวเหมือนพ่อ?

ป๊อก : ใช่ เพราะคุณพ่อเวลาทำงานอยู่ที่บ้านจะมีผ้าโพกหัวเอาไว้เหมือนกัน เลยดูเป็นผู้ชายลุย ๆ

ภาพที่มองป๊อกดูเป็นคุณหนู

ตั๊ก : ไม่นะ เค้าเป็นธรรมชาติ ถ้าเป็นคุณหนูคงไม่มีเพื่อนอย่างปุ้ย นึกออกป่ะ ปุ้ยจะเป็นคนเฮฮา คิดว่าถ้าป๊อกเรียบร้อยขนาดนั้นคงไม่มานั่งที่ร้านแบบนี้หรอก

จีบนานมั้ยกว่าป๊อกจะยอมตกลงเป็นแฟนด้วย?

ป๊อก : มันเป็นเรื่องของการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่า พอคุยกันแล้วรู้จักตัวตนเลยรู้สึกชอบกัน แต่ถามว่าใครมาใครคนใดคนนึงมันไม่ใช่ มันซึมๆ แล้วเหมือนจูนกันติด อยากคุยต่ออยากเรียน รู้เรื่องราวซึ่งกันและกัน

คิดว่าอะไรคือส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับเราสองคน ?

ป๊อก : เป็นเพราะความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ทำให้คุยกันอยู่ได้เพราะซื่อสัตย์ต่ออารมณ์ของตัวเอง

ตั๊ก : ผมว่าเป็นเรื่องของการยอมรับด้วย เค้ายอมรับในสิ่งที่เราเป็น และเรายอมรับในสิ่งที่เค้าเป็น เขายอมรับในสิ่งที่ผมเป็น ยอมรับความเป็นจริงเป็นอย่างนี้ เรามีความสุขกับมันได้มั้ย ไม่ต้องหลอกตัวเอง

ป๊อก : โชคดีที่เจอกันตอนที่โตแล้วด้วยกันทั้งคู่ พอมาเจอกัน การไตร่ตรอง ยอมรับ มีเหตุผล เข้าใจมันมาระดับนึงแล้ว เพราะฉะนั้นการเรียนรู้กันต่อไปคงไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ

ที่บ้านแรกๆมีเปรยๆ ผู้ชายคนนี้ไม่ผ่าน

ตั๊ก : ผมไม่ทราบนะ แต่เคยเห็นพ่อเค้ามองๆ อย่างพี่สาวเค้าจะค่อนข้างแรง อย่างช่วงแรกๆมีไปบ้านเอาของไปให้แล้วป๊อกไม่อยู่ พี่สาวจะมองซะ ถ้าผมเป็นเมล็ดข้าวเค้าคงเป็นไก่จิก

ป๊อก : เพราะครั้งแรกเลยที่เจอกันมันดึกมากจนเกือบจะเช้ามืด ทำให้เค้ารู้สึกว่าคนเพิ่งเริ่มรู้จักกันทำไมเจอกันตอนดึก เลยอคติ

ตั๊กทำยังไงให้แม่ไก่ (พี่สาวของป๊อก) เปลี่ยนไป?

ตั๊ก : ผมคุยปกติ เค้าไม่คุยเราก็ไม่คุย ไปเรื่อยๆ ถ้าคิดว่าเราทำดีอยู่แล้ว ครั้งแรกที่เจอกันอาจจะผิดเวลาไปหน่อย กลายเป็นประทับตราแทน (หัวเราะ)

ต้องใช้เวลาตรงนั้นนานมั้ยกว่าจะผ่านไปได้?

ตั๊ก : สักพักเหมือนกัน แต่ก็เนียน ๆ ไป

ป๊อก : ปกติคุณพ่อจะแทนตัวเองว่าผมกับเพื่อนลูก ไม่เคยแทนตัวเองว่าพ่อ เคยจะมีพี่ตั๊กนี่แหละที่พ่อแทนตัวเองว่าพ่อ จริงๆพี่ตั๊กไม่ทันสังเกต แต่ป๊อกสังเกตเลยบอกกับเค้า

คนเค้าพูดอาถรรพณ์ 7 ปี เรารู้สึกคบๆแต่ละปีแตกต่างบ้างป่ะ

ตั๊ก : ไม่เคยรู้สึกเลย

ป๊อก : มันก็เป็นแค่ระยะเวลาที่คนกำหนดมาเอง คู่ที่เลิกกันตอนอาถรรพณ์ 7 ปี อาจจะแค่ 1 ใน 100 แต่คู่พ่อแม่เรา คู่เพื่อน พี่น้อง ที่อยู่บนโลกนี้กี่ล้านคู่เค้ายังไม่โดนอาถรรพณ์เลข 7 เลย

ตั๊ก : ผมไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ เราเชื่อตัวเรามากกว่า ปี 1-2 เราคบกันมันสนุกกันมากขึ้น มีอะไรเรียนรู้กันมากขึ้น เราแฮปปี้กับตรงนั้น แทนที่มานั่งเครียดกับเวลา เรามามีความสุขกับตรงนั้นดีกว่าที่มานั่งนับ 1-2-3-4-มันไม่มีประโยชน์

ความสม่ำเสมอ 7-8 ปีที่ผ่านมา?

ป๊อก : ความสม่ำเสมอดีทุกอย่าง เวลาเราต้องการความช่วยเหลือ พี่ตั๊กยินดีช่วยเหลือจนถึงปัจจุบันไม่เคยอิดออด ไม่เคยบอกว่าไม่ได้

ทางป๊อกดูแลตั๊กยังไงบ้าง

ตั๊ก : ผมไม่ได้ขอ แต่เค้าจะซื้อโน่นซื้อนี่มาให้ คือผู้หญิงผมเข้าใจนะชอบซื้อของมาให้ อันนี้ไม่ได้ว่านะ (หันไปมองหน้าป๊อก) แต่ไม่อยากได้ เค้าก็จะซื้อมาให้ ถ้าอันไหนใส่แล้วดูโอเคกับเรานะก็ใส่

ช่วงนึงป๊อกเปลี่ยนลุคเซอร์ตามตั๊กไปเลย?

ตั๊ก : บอกได้เลยว่าใช่ ถ้าเราแต่งตามสไตล์เราแล้วไปเดินกับเค้ามันดูไม่เหมาะ เหมือนมาจากคนละที่ แต่พอใส่แบบนี้ไปมันก็สบายดีนะ แต่ตอนหลังเราค่อยๆดึงเค้ามา ด้วยความเหมาะสมช่วงนั้นมากกว่า พี่ตั๊กเล่นหนังควรใส่กางเกงยีนส์ดีกว่า พอเราไปเห็นอะไรที่ใส่แล้วมันดูเท่ดีก็จะซื้อให้ มีซื้อผิดซื้อถูกบ้าง

มีซื้อของให้แล้วตั๊กไม่ยอมใส่จนเรางอน

ป๊อก : มีนาฬิกาอีกเรือน อันนั้นแพงมากไม่ใส่ ป๊อกเลยบอกว่าแพงยิ่งต้องใส่ เพราะว่าเฉลี่ยต่อวันจะถูกลง แต่เค้ากลัวมันพัง กลับเป็นรอย

เอาอย่างนี้ตั้งตัววันนี้มีอะไรที่เป็นของตัวเองบ้าง

ตั๊ก : ไม่มีครับ อ๋อ! ยกเว้นสร้อย แต่พระเค้าก็เป็นคนซื้อให้ ทั้งหมดเค้าเป็นคนให้ครับ

ไม่ค่อยเห็นป๊อกกับตั๊กรับงานอีเว้นท์คู่กันเลย

ตั๊ก : ผมไม่มีปัญหา ต้องแล้วแต่เค้า

ป๊อก : จะเขินมากกับการไปทำงานรับสตางค์ที่เราไม่ได้ใช้ความสามารถอะไรของเรา ให้เราทำอย่างอื่นก็ได้ ขายบัตรสอยดาว ขายทองปิดลูกนิมิต แต่อยู่ๆ ให้ไปยืน เป็นเรื่องที่เรารู้สึกเขินๆ ถ้าใครทำได้ยินดี แต่เราเอามือไปวางไม่ถูก ทั้งๆ ที่เราไปเล่นละครเวที เรามั่นใจมาก คิดว่าถูกที่ถูกทาง แต่ตรงนั้นเรารู้สึกไม่ถูกที่ถูกทาง จะเขินและอายในการรับสตางค์ เรายังไม่ได้ทำอะไร ให้สตางค์เหรอ ขอทำอะไรนิดนึงดีกว่า

คบกัน 8 ปี มีคิดเรื่องแต่งงานแล้วหรือยัง

ตั๊ก : มีคิดครับ

อีกนานมั้ย?

ตั๊ก : จริง ๆ ตอนนี้จะบอกว่าคือคิดไว้แล้วแต่อย่าไปกะเกณฑ์ คิดอีกไม่นานเกินรอในชีวิตเราหรอก ผมเชื่อว่าสิ่งที่เรากะ เกณฑ์อย่าไปขีดเส้นมันเลยดีกว่า

ป๊อก : ยังไม่อยากมากดดันตัวเองว่าเป็นช่วงนี้ ช่วงนั้น เอา เป็นว่าวันไหนรู้สึกว่าไม่ต้องคิดเรื่องอื่นเยอะ ให้รู้สึกมีกำลังอยากจะจัดจริงๆ ดีกว่า

แสดงว่ามีคุยเรียบร้อย?

ป๊อก : มีคุยกันบ้าง จะแต่งหรือไม่แต่งเราอยู่แบบนี้ เหมือนจัดงานวันเกิดใหญ่ๆ พร้อมกัน 2 คน จะแต่งหรือไม่แต่ง ทุกคนจะเจอเราในสภาพแบบนี้ ความสัมพันธ์เป็นแบบนี้ไม่ได้มากหรือน้อยลง เราค่อนข้างมั่นคง ความสัมพันธ์แข็งแรงมาก

การแต่งงานพร้อมที่จะพัฒนามีลูกเลยมั้ย

ป๊อก : คงไม่มีลูก คุยกันไว้ตั้งแต่แรก ก็ตลกดีกล้าคุยเรื่องลูกตั้งแต่เพิ่งเริ่มคบกัน ทั้งๆที่ป๊อกไม่เคยคิดว่าเรื่องแต่งงาน หรือมีลูกจะต้องไปนั่งถามใคร เพราะป๊อกไม่ชอบความสัมพันธ์แบบผูกมัด แต่อยู่ๆเราคุยกันกับเค้าเลยคุยกันแนวทางถ้าอีกหน่อยต้องมีชีวิตคู่เป็นยังไง ปรากฏว่าบังเอิญมีความคิดตรงกันคือเราไม่อยากมีภาระ มันน้อยกว่าคนที่เราคุยด้วยได้และบอกว่าเราไม่อยากมีลูกเหมือนกัน

เพราะอะไร?

ตั๊ก : เรามองถึงอนาคตข้างหน้าเศรษฐกิจประเทศชาติจะเป็นยังไง เราไม่รู้จะดูแลเค้าได้ดีแค่ไหน

ป๊อก : ป๊อกคงกลายเป็นคนโรคจิตและรู้สึกว่าตัวเองคงไม่สามารถดูแลใครได้ 24 ชม. มีคนบอกว่าเดี๋ยวมีจะรับได้เอง มันก็ใช่ แต่ถ้ามีแล้วเรารับไม่ได้จะทำยังไง ถ้าใครถามแล้วป๊อกไม่มีเวลาตอบก็จะเป็นคนชอบกวน บอกว่าป๊อกกลัวเสียหุ่น เหนื่อย ง่วงนอน รับภาระไม่ได้ขนาดนั้นหรอกจบ ทุกคนจะสาปแช่ง แค่นั้นก็สบายใจไม่ต้องอธิบายนาน (หัวเราะ)

ของหยั่งเงี้ย...ไม่ลองไม่รู้ร้อก...ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น